รู้ทันโรคในพืชผัก

สำหรับผักสวนครัวที่นิยมปลูกกัน ไม่ว่าจะเป็นผักกินใบอย่างผักบุ้ง คะน้า กวางตุ้ง กะหล่ำปลี ฯลฯ หรือผักกินผลนั้นเกิดโรคได้หลายโรค บางโรคมีอาการคล้ายกันจนทำให้ไม่แน่ใจว่าที่คิดว่ารู้นั้นเข้าใจถูกต้องหรือไม่ โดยเฉพาะอาการใบเหลืองแบบต่าง ๆ ซึ่งอาจทำให้การป้องกันและรักษาโรคไม่ได้ผลหรือไม่มีประสิทธิภาพ สำนักพิมพ์บ้านและสวน รวมตัวอย่างโรคพืชที่พบเจอกันบ่อย ๆ พร้อมวิธีจัดการโรคเบื้องต้นมาแนะนำให้รู้จักกัน 

1. โรคราน้ำค้างโหระพา

อาการ ใบด้านบนมีสีเหลืองเป็นแถบ ด้านใต้ใบพบกลุ่มของสปอร์สีเทาเป็นขุยฟู ต่อมาเนื้อใบส่วนที่เป็นสีเหลืองจะตาย เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้มหรือดำ อาการของโรคจะเกิดขึ้นกับใบแก่ที่อยู่ส่วนล่างของทรงพุ่มก่อน

การจัดการโรคเบื้องต้น

    • แช่เมล็ดพันธุ์ในน้ำอุ่นอุณหภูมิ 52-55 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 20-30 นาที ก่อนปลูก
    • ปลูกโหระพาให้มีระยะห่างระหว่างต้นและหมั่นตัดแต่งทรงพุ่มไม่ให้แน่นทึบเพราะความชื้นในทรงพุ่มสูงจะทำให้เกิดโรคและแพร่ระบาดได้ง่าย
    • ป้องกันด้วยการใช้สารชีวภัณฑ์ เช่น เชื้อราไตรโคเดอร์มา หรือเชื้อแบคทีเรียบาซิลลัส

 

2. โรคราสนิมขาวผักบุ้ง

อาการ เริ่มแรกเกิดจุดสีเหลืองขนาดเล็กบริเวณส่วนบนของใบ ต่อมาจะขยายเป็นแผลไหม้ ใต้ใบเห็นจุดสีขาวนวลของเชื้อรา เมื่อโรคระบาดมากจะทำให้ใบแห้งตาย

การจัดการโรคเบื้องต้น

    • ตัดใบ ถอนต้น และเก็บเศษซากที่เป็นโรคออกจากแปลงปลูก รวมถึงวัชพืชและผักบุ้งป่าบริเวณรอบ ๆ
    • ระมัดระวังการให้น้ำ โดยเฉพาะขณะมีโรคระบาด เพราะจะทำให้เชื้อกระจายจากต้นที่เป็นโรคไปยังต้นข้างเคียงได้
    • ป้องกันด้วยการใช้สารชีวภัณฑ์ เช่น เชื้อราไตรโคเดอร์มา หรือเชื้อแบคทีเรียบาซิลลัส

 

3. โรคราแป้ง

อาการ พบเส้นใยหรือสปอร์ของเชื้อเจริญปกคลุมผิวพืชเป็นผงขาวคล้ายแป้งหรือฝุ่นเกาะติดอยู่บนใบ ถ้าเป็นกับใบอ่อนในพืชบางชนิดจะทำให้ใบหงิกงอ ถ้าเป็นส่วนตาของพืชจะไม่เจริญ กิ่งที่เป็นโรคนาน ๆ อาจแห้งตายในที่สุด

การจัดการโรคเบื้องต้น

    • หลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วให้ทำลายเศษซากพืชที่เคยเป็นโรคโดยไถกลบและปลูกพืชหมุนเวียน

4. โรคใบจุดคะน้า

อาการ เกิดโรคกับพืชตระกูลกะหล่ำ ได้แก่ คะน้า กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก บรอกโคลี ผักกาดขาว และผักกวางตุ้ง เป็นต้น อาการส่วนมากสังเกตได้ชัดเจนบนใบซึ่งจะเกิดเป็นแผลจุดเล็ก ๆ สีเหลือง ต่อมาแผลขยายใหญ่ขึ้นเป็นสีน้ำตาลเข้มถึงดำ แผลมีลักษณะเป็นวงค่อนข้างกลมเรียงซ้อนกันเป็นชั้น ๆ

การจัดการโรคเบื้องต้น

    • ใช้เมล็ดพันธุ์ที่ปลอดเชื้อ หรือฆ่าเชื้อที่อาจติดมากับเมล็ดโดยแช่ในน้ำอุ่น 49-50 องศาเซลเซียส นาน 20-25 นาที
    • กำจัดวัชพืชในแปลงปลูกไม่ให้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของเชื้อโรค
    • ป้องกันด้วยการใช้สารชีวภัณฑ์ เช่น เชื้อแบคทีเรียบาซิลลัส

 

5. โรคเน่าเละของพืชผัก

อาการ เริ่มแรกพืชแสดงอาการฉ่ำน้ำ ต่อมาแผลจะเน่าลุกลามขยายเป็นบริเวณกว้าง มีเมือกเยิ้ม ส่งกลิ่นเหม็น อารการของโรคพัฒนาอย่างรวดเร็วในสภาพอากาศร้อนจัดและมีฝนตกชุก

การจัดการโรคเบื้องต้น

    • กำจัดเศษซากพืชและวัชพืชในแปลงให้หมดก่อนการปลูกผักแต่ละรุ่น แล้วไถพลิกกลับดินตากแดด 2-3 ครั้ง โดยทิ้งระยะให้ห่างกันพอสมควร เพื่อลดการสะสมของเชื้อโรคในดิน
    • ควบคุมแมลงศัตรูพืชต่าง ๆ ในแปลงปลูก โดยเฉพาะหนอนและแมลงปากกัด
    • เมื่อเริ่มพบต้นเป็นโรคควรรีบขุดถอนทิ้งนอกแปลงปลูก
    • ป้องกันด้วยการใช้สารชีวภัณฑ์ เช่น เชื้อแบคทีเรียบาซิลลัส

 

6. โรคขอบใบทองหรือเน่าดำ

อาการ ใบเหลืองจากขอบใบแล้วลามลึกเข้ามาในเนื้อใบเป็นรูปตัววี เส้นใบบริเวณนี้จะมีสีน้ำตาลดำ ต่อมาเกิดอาการแห้งจากขอบใบ ใบเหี่ยวเฉาหรือหลุดจากต้น

การจัดการโรคเบื้องต้น

    • ใช้เมล็ดพันธุ์ที่รับรองปลอดโรค
    • ขุดตอเก่ามาทำลาย และควรเก็บเกี่ยวผลผลิตด้วยการถอนต้นแทนการตัดหัวแล้วทิ้งตอไว้ในแปลงปลูก
    • ป้องกันด้วยการใช้สารชีวภัณฑ์ เช่น เชื้อแบคทีเรียบาซิลลัส

7. โรคใบจุดของมะเขือเทศ

อาการ เกิดจุดเล็ก ๆ สีน้ำตาลอ่อนบนใบ รูปร่างไม่แน่นอน ต่อมากลายเป็นสีน้ำตาลดำถึงดำ เมื่อเป็นโรครุนแรงใบจะร่วง อาจพบอาการจุดแผลบนลำต้นเป็นสะเก็ดสีน้ำตาลดำ และเชื้อยังเข้าทำลายผล ทำให้ผลเป็นจุดสะเก็ดสีน้ำตาลดำด้วย

การจัดการโรคเบื้องต้น

    • ใช้เมล็ดพันธุ์ที่รับรองปลอดโรคหรือพันธุ์พืชต้านทานโรคมาปลูก
    • ทำลายเชื้อที่อาจติดมากับเมล็ดพันธุ์โดยแช่เมล็ดพันธุ์ในน้ำร้อน 50 องศาเซลเซียส นาน 15 นาที
    • กำจัดเศษซากพืชที่เป็นโรคไปทำลายนอกแปลงปลูกโดยการฝังหรือเผา ปลูกพืชหมุนเวียนที่ไม่ใช่พืชในตระกูลมะเขือ
    • ป้องกันด้วยการใช้สารชีวภัณฑ์ เช่น เชื้อแบคทีเรียบาซิลลัส

 

8. โรคแคงเกอร์ของพืชตระกูลส้ม เช่น มะกรูด มะนาว

อาการ ส่วนมากเกิดกับใบอ่อน ระยะแรกเห็นเป็นจุดฉ่ำน้ำเล็ก ๆ ต่อมาจุดขยายใหญ่ขึ้น นูนฟูสีเหลืองอ่อน จากนั้นแผลนูนจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้มและยุบลงกลายเป็นสะเก็ดแข็ง ผิวขรุขระมีสีเหลืองล้อมรอบแผล อาการสามารถเกิดกับส่วนต่าง ๆ ได้แก่ กิ่ง ลำต้น และผล

การจัดการโรคเบื้องต้น

    • ใช้ส่วนขยายพันธุ์หรือกิ่งพันธุ์ที่ไม่มีโรคมาปลูก
    • ตัดแต่งส่วนที่เป็นโรคบริเวณใบ กิ่ง และลำต้นทิ้ง
    • ควบคุมแมลงศัตรู โดยเฉพาะหนอนชอนใบที่ทำให้เกิดบาดแผลในช่วงใบอ่อนเพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อ
    • ป้องกันด้วยการใช้สารชีวภัณฑ์ เช่น เชื้อแบคทีเรียบาซิลลัส

 

9. โรคใบหงิกเหลืองของมะเขือเทศ

อาการ เมื่อพืชได้รับเชื้อไวรัสจะเริ่มแสดงอาการที่ใบอ่อน โดยใบที่แตกใหม่มีขนาดเล็ก หงิกงอ สีเหลือง ใบด้างล่างทรงพุ่มจะมีขอบใบม้วนงอ อาจม้วนขึ้นหรือลงก็ได้ ผิวใบย่น ไม่เรียบ ใบหดเล็ก มีสีเหลือง ยอดแตกเป็นพุ่มแต่ไม่เจริญเติบโต แคระแกร็น

การจัดการโรคเบื้องต้น

    • ทำลายต้นเป็นโรคโดยถอนออกหรือฝังดินไม่ให้เหลือในบริเวณที่ปลูกพืช
    • ควบคุมการระบาดของแมลงหวี่ขาว หรือวางแผนปลูกให้พืชเติบโตและแข็งแรงก่อนฤดูแพร่ระบาดของแมลงหวี่ขาว

 

 

นอกจากโรคพืชที่เกิดกับผักสวนครัวทั้ง 9 โรคนี้แล้ว ยังมีโรคพืชในพืชปลูกอื่น ๆ ทั้งข้าว อ้อย ถั่ว พืชผัก และไม้ดอกไม้ประดับต่าง ๆ อีกมากมายที่เราควรรู้จักและเรียนรู้เทคนิคในการจัดการกับมันได้ ซึ่งสามารถหาอ่านเพิ่มเติมได้ในแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ เพื่อรู้เท่าทันโรคเหล่านั้นกัน

ที่มา : เว็บไซต์บ้านและสวน Garden & Farm

อยากแชร์มั้ย กดแชร์ตรงนี้ได้เลย ;)

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Scroll to Top